สิงห์บลู เจ๊าโนสกอร์ ปราสาทเรือนแก้ว
เชลซี ครองเกมมากกว่าแต่เจาะตาข่ายไม่เข้า จบเสมอ คริสตัล พาเลซ ในเกมพรีเมียร์ลีก 2025 นัดแรกของฤดูกาล ที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์
ฟุตบอลลีกอังกฤษนัดเปิดฤดูกาลที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ จบลงแบบน่าผิดหวังสำหรับ เชลซี เมื่อพวกเขาทำได้เพียงเสมอแบบไร้สกอร์กับ คริสตัล พาเลซ แม้เจ้าถิ่นจะครองบอลบุกกดดันแทบตลอดและมีโอกาสลุ้นหลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถเจาะแนวรับอันเหนียวแน่นของ “ดิ อีเกิลส์” ได้ ทำให้ทั้งสองทีมต้องแบ่งกันไปทีมละหนึ่งแต้ม
จังหวะสำคัญ
ลีกแดนผู้ดีเกมนี้เป็นการชิงไหวชิงพริบเชิงแท็กติกตั้งแต่ต้น โดย เชลซี ภายใต้การคุมทีมของกุนซือชาวอิตาลี เอ็นโซ่ มาเรสก้า พยายามครองเกมด้วยการต่อบอลอย่างใจเย็นและการขึ้นเกมที่ซับซ้อน แผนการเล่นปรับให้ รีซ เจมส์ กัปตันทีมขยับเข้ามายืนเป็นกองหลังตัวที่ 3 เปิดทางให้ มาร์ก กูกูเรย่า เติมขึ้นมาสร้างมิติริมเส้น และเกมบุกเกือบได้ผลตั้งแต่นาทีที่ 3 เมื่อ กูกูเรย่า ได้โหม่งจากลูกเตะมุม แต่ถูก อิสไมล่า ซาร์ ของพาเลซ สกัดบนเส้นเอาไว้ได้หวุดหวิด
แต่ถึงอย่างนั้น นาทีที่ 13 กลายเป็น พาเลซ ที่คิดว่าพวกเขาออกนำไปแล้ว เมื่อ เอเบเรชี่ เอเซ่ ตัวอันตรายของทีมเยือน ปั่นฟรีคิกสุดสวยเสียบ 3 หลี่ยมผ่านมือ โรเบิร์ต ซานเชซ เข้าไป แต่ VAR เข้ามาตรวจสอบและ ดาร์เรน อิงแลนด์ ผู้ตัดสินชี้แจงผ่านไมโครโฟนในสนามว่า มาร์ก เกฮี ยืนห่างกำแพงเชลซีน้อยกว่า 1 เมตร ซึ่งผิดกฎใหม่ของ IFAB ทำให้ประตูถูกยกเลิกไป เหตุการณ์นี้ถือเป็นครั้งแรกที่แฟนบอลในสนามได้ยินประกาศ VAR จากผู้ตัดสินโดยตรงในพรีเมียร์ลีก แม้จะเป็นการตัดสินที่ถูกต้องตามกฎ แต่ก็สร้างกระแสวิจารณ์อย่างหนักทั้งในสนามและจากแฟนบอล
ครึ่งหลัง เชลซี ยังคงครองเกมมากกว่า แต่ไม่สามารถเจาะแผงหลัง เพื่อสร้างโอกาสเน้นๆ ได้ นาทีที่ 54 เจ้าบ้านส่งดาวรุ่งชาวบราซิล เอสเตเวา ลงสนามทำให้เกมรุกดูมีชีวิตชีวามากขึ้น โดยเจ้าหนูดาวรุ่งสร้างความปั่นป่วนแนวรับ พาเลซ ทันที แต่ความพยายามของเขาก็ถูกบล็อกหรือหลุดกรอบไปหมด เช่นเดียวกับ เลียม ดีแลป ตัวสำรองที่ได้ลุ้นในช่วงท้าย แต่ยิงได้ไม่ดีพอ ดีน เฮนเดอร์สัน เซฟเอาไว้ได้ไม่ยาก
ด้าน พาเลซ เองก็ยังคงมีทีเด็ดในจังหวะสวนกลับ โดยเฉพาะ เอเซ่ ที่เกือบทำประตูชัยได้ช่วงท้าย แต่ ซานเชซ นายด่าน เชลซี ปัดออกไปได้ ทำให้เกมจบลงด้วยผลเสมอ 0-0
สถิติสำคัญ
ศึกพรีเมียร์ลีกนัดเปิดฤดูกาลที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ระหว่าง เชลซี เสมอ คริสตัล พาเลซ แบบไร้สกอร์ มีโอกาสยิงรวมกันถึง 31 ครั้ง ซึ่งถือว่ามากที่สุดในเกมนัดเปิดสนาม (MD1) ของพรีเมียร์ลีกที่ไม่มีประตูเกิดขึ้น นับตั้งแต่เกม เบิร์นลีย์ พบ เซาธ์แฮมป์ตัน ฤดูกาล 2018/19 ที่มีถึง 34 ครั้ง
สรุปผลงาน
หลังจบเกม เอ็นโซ่ มาเรสก้า กุนซือเชลซี เปิดเผยถึงความรู้สึกที่ทั้งผิดหวังและพอใจในเวลาเดียวกัน โดยกล่าวว่า
“เราเล่นเพื่อชัยชนะเสมอ น่าเสียดายที่วันนี้ทำไม่ได้ แต่ผมคิดว่าฟอร์มการเล่นของทีมถือว่าดี”
นอกจากนี้ มาเรสก้า ยังชื่นชมลูกทีมที่สามารถสร้างโอกาสได้แม้ต้องเจอกับคู่แข่งที่ “จัดระเบียบเกมรับได้ดีมาก” พร้อมกับยกย่องฟอร์มของแข้งดาวรุ่งอย่าง จอช อาเชมปง และ เอสเตเวา ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่าทีมยังต้องแก้ไขปัญหาเรื่องการจบสกอร์ที่ไม่คมพอ
โดยกุนซือเชลซี กล่าวถึงฟอร์มการเล่นของ เอสเตเวา เจ้าหนูแซมบ้ารายนี้ว่า “เขามีบุคลิกยอดเยี่ยมมาก คุณเห็นได้เลยว่าเขามาจากบราซิล นักเตะที่นั่นแตกต่างออกไป และเขาจะกลายเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมของสโมสร เรารู้แล้วว่า โคล พาล์เมอร์ ทำอะไรได้บ้าง ส่วน เอสเตเวา ยังต้องใช้เวลาในการปรับตัว แต่เขาจะเป็นกำลังสำคัญของทีมแน่นอน”
ด้าน โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ เฮดโค้ช คริสตัล พาเลซ พอใจกับความมีวินัยของลูกทีมในเกมนี้ โดยกล่าวหลังเกมว่า “ผมพอใจอย่างมากกับฟอร์มการเล่นโดยรวม การเล่นเกมรับยอดเยี่ยม นักเตะทำหน้าที่ได้ดี”
สำหรับประตูที่ถูก VAR ปฏิเสธ กลาสเนอร์เผยว่า “ผมแอบเซอร์ไพรส์เล็กน้อย เพราะปกติในอังกฤษ VAR จะค่อนข้างระมัดระวังมาก… แต่เมื่อมันถูกยกเลิกไปแล้ว ผมก็โฟกัสไปที่เกมวันพฤหัสบดีแทน” ซึ่งเขาหมายถึงศึกยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก นัดประเดิมสนามของทีม
ทั้งสองกุนซือยอมรับว่าเกมเปิดฤดูกาลกับคู่แข่งร่วมลอนดอนเป็นงานที่ไม่ง่าย และคำให้สัมภาษณ์หลังเกมสะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาที่ต่างกันชัดเจน เชลซี เน้นการครองเกมบุกกดดัน ขณะที่ พาเลซ ยืนพื้นด้วยวินัยเกมรับและการสวนกลับที่มีประสิทธิภาพ
และสำหรับแฟนๆที่สนใจ ทีเด็ด SBOTOP และ พรีเมียร์ลีก 2025 ทีเด็ดเดิมพัน รวมไปถึง ข่าวฟุตบอลอังกฤษ สามารถติดตามข่าวได้ที่นี่
●●●
เข้าชมบล็อคของเราเพื่อดูข้อมูลต่างๆ และค่าอ๊อดส์ที่หลากหลายของฟุตบอล
อัพเดทข่าวสารทุกอย่างเกี่ยวกับกีฬาและการเดิมพัน
