ทำไม กลัดบัค เปลี่ยนจากทีมหัวตารางสู่การจบอันดับ 10 ในลีก
โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค จบด้วยอันดับที่ 10 ใน บุนเดสลีกา 2025 (ฤดูกาล 2024/25) ซึ่งถือเป็นการจบอันดับกลางตารางอีกครั้ง และห่างไกลจากความคาดหวังที่เคยเป็น “ทีมลุ้นแชมป์” หรือแม้กระทั่ง “ทีมลุ้นพื้นที่โควต้ายุโรป”
ย้อนกลับไปในลีกเมืองเบียร์ซีซั่นที่ผ่านมา กลัดบัค เริ่มต้นฤดูกาลอย่างยากลำบากด้วยการพ่ายแพ้ถึง 3 จาก 4 เกมแรก หลายคนอาจมองข้ามโอกาสของโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ในการโชว์ฟอร์มอย่างแข็งแกร่งในฤดูกาลที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม หลังจากรักษาฟอร์มการเล่นไว้ได้ พวกเขาก็กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง
กลัดบัค ขยับเข้าสู่พื้นที่หัวตารางพร้อมๆ กับฟอร์มการเล่นที่ดีในฟุตบอลลีกเยอรมัน แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็ต้องเจอปัญหาเดิมที่ทำให้อันดับค่อยๆ ตกลงมานั่นคือเรื่องของการขาดความคงเส้นคงวาที่เป็นจุดบอดใหญ่ของทีม
ว่ากันตามตรงนี่คือปัญหาเรื้อรังของ กลัดบัค ในช่วงหลายฤดูกาลที่ผ่านมา พวกเขาสามารถชนะทีมใหญ่ได้อย่างน่าประทับใจ แต่ก็พร้อมที่จะสะดุดแพ้ทีมเล็กๆ ได้อย่างง่ายดายเช่นกัน ความไม่สม่ำเสมอนี้ทำให้ทีมไม่สามารถสร้างโมเมนตัมหรือไต่อันดับขึ้นไปได้เลย การมีผลเสมอและแพ้จำนวนมาก (แพ้ 15 และเสมอ 6 จาก 34 นัดในฤดูกาล 2024/25) แสดงให้เห็นถึงความไม่คงเส้นคงวาอย่างชัดเจน
นอกจากนี้แนวรับของพวกเขาก็ยังคงเป็นปัญหาที่บ่อยครั้งมักผิดพลาดง่ายเกินไป กลัดบัคเสียไปถึง 57 ประตูในศึกบุนเดสลีกา 2024/25 ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงมากสำหรับทีมที่ควรจะได้ลุ้นพื้นที่ไปเล่นฟุตบอลถ้วยของยุโรป การเสียประตูง่ายแสดงให้เห็นถึงปัญหาในเกมรับ ทั้งในเรื่องของระบบการป้องกัน ความผิดพลาดส่วนบุคคล หรือการขาดผู้นำในแนวรับที่แข็งแกร่ง
ยิ่งไปกว่านั้นมันไม่ใช่แค่เกมรับแย่ แต่เกมรุกก็ไม่ต่างกัน การผลิตสกอร์ของ กลัดบัค สะดุดบ่อยครั้งและขาดความสม่ำเสมอ
พวกเขามีนักเตะอย่าง ทิม ไคลน์เดียนสท์ จอมถล่มประตูของทีมที่ทำได้ถึง 16 ประตูในลีก ติดเป็น Top 5 ของทำเนียบดาวซัลโว 2024/25 เขายังสร้างสถิติใหม่ในบุนเดสลีกาในฤดูกาลที่ผ่านมา ด้วยการโหม่งทำประตูได้ถึง 7 ประตู แต่โดยรวมแล้ว กลัดบัค ที่ยิงไปทั้งสิ้น 55 ประตู ก็เป็นตัวเลขที่ไม่โดดเด่นนักเมื่อเทียบกับทีมหัวตาราง การพึ่งพากองหน้าเพียงไม่กี่คนกับขุมกำลังที่จำกัด ทำให้ทีมขาดความหลากหลายในการเข้าทำ และหากกองหน้าฟอร์มตก ก็จะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำประตูของทีมทันที
ขณะเดียวกัน เกราร์โด้ เซอัวเน่ ยังคงเป็นผู้จัดการทีมในฤดูกาล 2024/25 และแน่นอนว่าการปรับปรัชญาและแทคติกของเขาย่อมต้องใช้เวลา แต่ดูเหมือนว่าทีมยังไม่สามารถซึมซับและนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดทั้งฤดูกาล ทำให้เกิดความไม่ลงตัวในบางช่วงเวลา
นอกเหนือจากนี้การขาดนักเตะคีย์แมนที่สร้างความแตกต่างได้จริงเป็นสิ่งที่ขาดหายไป แม้จะมีการเสริมทัพเข้ามา แต่กลัดบัคยังขาดนักเตะที่สามารถแบกทีมในยามคับขัน หรือสร้างความแตกต่างในเกมที่ตึงเครียดได้เหมือนที่เคยมีในอดีตเช่น มาร์คัส ตูราม หรือ โยนาส ฮอฟมันน์ การขาด “ซูเปอร์สตาร์” หรือ “ผู้เล่นที่พลิกเกมได้” ทำให้ทีมขาดพลังขับเคลื่อนในบางนัด และเมื่อเจอเกมตื้อๆ พวกเขาก็พร้อมที่จะไร้แต้มติดมือ
และจากชื่อเสียงและประวัติศาสตร์ของสโมสร ทำให้แฟนบอลมีความคาดหวังสูงเสมอ ซึ่งอาจสร้างแรงกดดันให้กับผู้เล่นได้ โดยเฉพาะเมื่อฟอร์มไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
ทั้งหมดที่เราได้กล่าวมา แสดงให้เห็นว่า กลัดบัค ในฤดูกาล 2024/25 ยังคงต้องเผชิญกับปัญหาด้านความคงเส้นคงวาของฟอร์มการเล่น ปัญหาในแนวรับ และการขาดผู้เล่นที่สามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถก้าวขึ้นไปอยู่ในกลุ่มหัวตารางได้ และต้องจบฤดูกาลด้วยอันดับกลางๆ ในที่สุด
ส่วนฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึง หากความสม่ำเสมอยังเป็นปัญหาของพวกเขา ผลลัพธ์ในท้ายซีซั่นก็อาจจะไม่ต่างจากฤดูกาลที่ผ่านมา… และห้ามพลาดสำหรับผู้ที่สนใจ ทีเด็ด SBOTOP โดยนอกจาก บุนเดสลีกา 2025 ทีเด็ดเดิมพัน ยังมีข่าวอัพเดต ข่าวฟุตบอลเยอรมัน ด้วย
●●●
เข้าชมบล็อคของเราเพื่อดูข้อมูลต่างๆ และค่าอ๊อดส์ที่หลากหลายของฟุตบอล
อัพเดทข่าวสารทุกอย่างเกี่ยวกับกีฬาและการเดิมพัน
